รวมเทคนิคเพิ่มยอดขายบน Facebook Commerce

ในยุคที่คอนซูมเมอร์ออนไลน์เกือบจะ 7 วัน 24 ชั่วโมง ทำให้ Social commerce มีบทบาทมากขึ้นอย่างมาก หลายๆแพลทฟอร์มพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ อาทิเช่น Social Commerce with Subscription Model ที่เราเคยเขียนไปแล้วก่อนนี้นี้ ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายใหญ่ ซึ่งล้วนแต่เพื่อขยายตลาด Social Commerce ให้ใหญ่ขึ้น ใช้งานได้ง่ายขึ้น สะดวก รวดเร็วขึ้น และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ถึงแม้ตลาด ​Social Commerce จะเต็มไปกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยพ่อค้า แม่ค้า รายใหญ่ รายย่อยมากมาย เช่นกัน เพราะ seller เหล่านี้ต่างมีอิสระในการนำเสนอขายสินค้า หรือบริการบนโลกออนไลน์อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะในแพลทฟอร์มเปิดอย่าง Facebook ที่เป็นไปได้ว่ามูลค่าตลาดอาจจะใหญ่ไม่แพ้ Lazada หรือ Shoppe เลยทีเดียว

ดังนั้นการแค่โพสต์ขายของแล้วทำการบูสท์โฆษณาอาจจะไม่เพียงพอที่จะแข่งขันใน Facebook Commerce ได้อย่างยั่งยืน ยิ่งถ้าเป็น seller รายเล็กที่ไม่ได้ budget มากพอในการ bidding facebook ad ยิ่งจำเป็นที่จะต้องมี tactic หรือ ตัวช่วย ที่จะทำให้แบรนด์หรือสินค้านั้นๆ เป็นขึ้นในหน้า feed ของกลุ่มเป้าหมาย เป็นที่จดจำ และทำให้กลุ่มเป้าหมายอยากซื้อสินค้าหรือบริการในที่สุด

‍8 เทคนิคการขายที่จะช่วยให้เกิดโอกาสในการขายมากยิ่งขึ้น

1. Facebook Messenger Conversation Chatbot

‍การสร้าง Conversational Chatbot ใน Facebook messenger เป็นหนึ่งในเทคนิคที่จะช่วยกระตุ้นการซื้อได้อย่างดี เพราะพฤติกรรม online shopping ในปัจจุบันมักจะเกิดขึ้นในช่วงหัวค่ำ หรือ ดึกๆด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นเวลานอกทำการของมนุษย์แอดมิน ดังนั้นการที่มี Conversation Chatbot จะสร้างความสะดวกให้กับลูกค้าในการซื้อสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม โดยไม่จำเป็นต้องรอมนุษย์แอดมินมาตอบ โดย  Conversational Chatbot นั้น ควรจะใช้ภาษาที่เป็น Human-talk, มีฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกเช่น copy เลขที่บัญชี เป็นต้น
‍

2. Sense of Urgency

กระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าสินค้าหรือบริการที่นำเสนอนั้น มีช่วงเวลาในการเสนอขายที่จำกัด เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายอยากซื้อสินค้านั้นมากขึ้น เช่น การใช้ Facebook Story เพื่อเสนอโปรโมชั่นที่จะมีอายุเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น
‍

3. Exclusivity or Limit offer

อีก 1 วิธีการกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าสินค้าหรือบริการนั้นมีความพิเศษ หรือมีเพียงคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิพิเศษนี้ เช่น การกำหนดโปรโมชั่นเพียง xx ท่านต่อวันเท่านั้น ในปุ่ม CTA ของโพส‍

4. หลีกเลี่ยงการปิดกั้นการมองเห็นด้วย Typo

ระบบ Facebook จะมีการ detect เพื่อปิดกันการมองเห็นของโพสท์ขายสินค้าบางอย่างที่อาจจะมีความถี่เกินไป หรือมีบางคำศัพท์ที่ต้องห้ามในการโพสสินค้าขายบน Facebook ซึ่งแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ไทยก็มีความสามารถในการหลอกตา Facebook  เช่น คำว่า “ขาย” ก็ใช้ตัว V แทน ข เป็น Vาย เป็นต้น‍

5. บอกราคาชัดเจน

หลายๆครั้ง ลูกค้าเป้าหมายจะรู้สึกถึงความไม่จริงใจของพ่อค้าแม่ค้า ถ้าโพสขายสินค้านั้น บอกรายละเอียดสรรพคุณ แต่ไม่บอกราคาสินค้า ซึ่งทำให้คอนซูมเมอร์หลายๆคนเลือกที่จะมองข้ามโพสเหล่านั้นไป เพราะคิดว่าราคาน่าจะต้องแพงแน่ๆ ถึงไม่มีการระบุราคาไว้ในโพสให้ชัดเจน

‍6. สินค้าแตกต่าง Caption โดนใจ

สินค้าแปลกๆบางอย่างที่ดูแล้วก็หาเหตุผลในการซื้อได้ยาก แต่เมื่อมี caption ที่สร้างเรื่องราวให้สนุกสนานก็ทำให้หลายคนตัดสินใจซื้อได้ง่าย ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกสนุกในการซื้อสินค้า แล้วยังทำให้เกิดการแชร์โพสต่อๆในโลกออนไลน์ เพราะความฮาของ Caption

7. Campaign Sales

กลายเป็นธรรมเนียมในการซื้อสินค้าออนไลน์ไปแล้ว ที่หลายๆคนเลือกที่จะรอช่วง Monthly Mega Sale เช่น 7.7 8.8 9.9 ซึ่งทาง seller รายเล็กๆก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการกระตุ้นยอดขายได้ด้วยเช่นกัน
‍

8. Shoppertainment

อ้างอิงจากคู่มือการตลาด Mega Sale 2021ซึ่งจัดทำขึ้นโดย Facebook ระบุไว้ว่า ผู้คนเริ่มติดใจความบันเทิงระหว่างการช้อปปิ้ง โดยนักช้อปต่างไดร้ับความบันเทิงจากงานกจิกรรมไลฟ์ช้อปปิ้งและประสบการณ์การช้อปปิ้ง ในสไตลเ์กมให้รว่มสนุก ทั้งในชว่งจัดกจิกรรมลดราคาและช่วงอื่นๆ ซึ่งก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่เหล่าพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์จะนำไปปรับใช้ให้เข้ากับเพจของตนเอง

‍