Web 3 คืออะไร? อะไรคือ Web3?

การกลายพันธ์ของ WEB! วันนี้เราจะพาคุณมาดูการเกิดขึ้น และพัฒนาการของ WEB ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันสู่อนาคตของ WEB3

What will be the future of WEB3 การกลายพันธ์ของ WEB …….. 3

Intro

โคโรน่าไวรัส หรือ Covid-19 ยังมีพัฒนาการได้ WEB ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน! วันนี้เราจะพาคุณมาดูการเกิดขึ้น และพัฒนาการของ WEB ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันสู่อนาคตของ WEB3 (บางคนก็เรียกเว็บสาม บางคนก็เรียกเว็บสามจุดศูนย์)

In the beginning

  • ในปี 1960 ผู้ใหญ่เนิร์ดกลุ่มหนึ่งได้รวมกลุ่มคอมพิวเตอร์แบบส่วนตัว (private) ที่สามารถสื่อสารกันผ่านสายโทรศัพท์ได้


  • ในปี 1989 Tim Berners-Lee เป็นผู้คิดค้นเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบสาธารณะ (public) และตั้งชื่อให้มันว่า World Wide Web และเป็นที่มาของการเกิดขึ้นของ Internet
Photo from https://cds.cern.ch/record/39437


WEB1 : ประมาณปี 1989 - 2005 ยุคเริ่มแรกของเว็บ




Web 1.0 นั้นถูกออกมาเพื่อเป็นการสื่อสารแบบทางเดียว (One Way Communication) โดย User คนอื่นๆ ที่ถ้าไม่ใช้ Webmaster นั้นจะไม่สามารถตอบโต้กลับมาได้ เว็บไซต์ส่วนใหญ่จึงเป็นในรูปแบบของ Static Website

  • ต่อเข้าเครื่อค่าย internet ด้วย dial-up modem
Photo from : https://www.dialup4less.com/win95setup.html
  • ดาวโหลดไฟล์ 180mb ใช้เวลา 39 ปี!!
Photo from : https://www.reddit.com/r/nostalgia/comments/7a879i/dial_up_internet_download_speed/
  • Read-only, static และความละเอียดต่ำ มีการโต้ตอบกับผู้ใช้ที่จำกัด
Photo from : https://www.webdesignmuseum.org/old-software/web-browsers/netscape-navigator-2-0

Photo From: https://vmd140juliana.wordpress.com/2016/02/23/who-is-penny-juice/

  • การค้นหาตามคำสำคัญ (Keywords based search (dumb search)
Photo from: https://finance.yahoo.com/news/now-browse-1999-again-120915906.html

สรุป WEB1

  • ช้า
  • อ่านได้อย่างเดียว (Oneway Communication)
  • Static และมีความละเอียดต่ำ
  • จำกัดการโต้ตอบกับผู้ใช้
  • ขาดมาตรฐานของเบราว์เซอร์
  • ค้นหาตาม keywords

ในปี 1995 Clifford Stoll (https://en.wikipedia.org/wiki/Clifford_Stoll) (นักเขียน นักดาราศาสตร์ และวิทยาศาสตร์) เคยเขียนไว้ในหนังซื้อของเค้าว่า “ฉันไม่เชื่อว่าสมุดโทรศัพท์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือร้านวิดีโอต่างๆ จะหายไปเมื่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์แพร่กระจายออกไป ฉันไม่คิดว่าโทรศัพท์ของฉันจะรวมเข้ากับคอมพิวเตอร์ของฉัน เพื่อที่จะกลายเป็นอุปกรณ์ข้อมูลบางอย่าง”

ถ้าเป็นคุณ ณ ตอนนั้น คุณจะคิดว่ายังไง? คิดแบบเดียวกับ Clifford Stoll หรือไม่ ?

WEB 2: 2005 - ปัจจุบัน

Web 1.0 นั้นเป็นเว็บไซต์เพื่อสื่อสารทางเดียวที่เป็นจุดอ่อน จึงเป็นเหตุให้เกิดการพัฒนาของ Web 2.0 ที่เป็น Web ที่ผู้คนสามารถเข้ามามี Ineractive หรือ ตอบโต้กันได้มากขึ้นจนเป็น Two Way Communication ไม่ว่าจะเป็นระหว่าง เจ้าจอง Web กับ User หรือ ระว่าง User กันเอง พัฒนาจนเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า Social Media ในทุกวันนี้


ทุกอย่างที่ Cliford Stoll ไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น… ได้เกิดขึ้น .... แล้วโทรศัพท์ก็รวมเข้ากับคอมพิวเตอร์จนได้ …


รวมถึงการเกิดขึ้นของเว็บ Social Media เสิร์ชเอนจินขั้นสูง e-commerce และ สตรีมมิ่งแพลทฟอร์มต่างๆ ที่สามารถมี interaction ได้อย่างเต็มรูปแบบ

ซึ่งนำมาสู่ประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องข้อมูล Privacy ของผู้ใช้งาน ที่ถูกเก็บและนำไปใช้งานต่อเวลาเข้าใช้งานในเครือข่ายเน็ตเวิร์คของผู้ให้บริการนั้นๆ ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้ตกเป็นของหน่วยงานส่วนกลางนั้นๆ ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวน้อย และส่วนกลางนั้นๆ ยังสามารถควบคุมและจัดการ (Manipulate) กับสิ่งต่างๆ ได้อย่างไม่โปร่งใส

ความ Privacy ของผู้ใช้งาน เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมาก เนื่องจากข้อมูลของผู้ใช้งานจะถูก(หน่วยงานส่วนกลางของผู้ให้บริการเครือข่ายเน็ตเวิร์ค)เก็บและนำไปใช้งานต่อ เมื่อผู้ใช้งานกลับเข้ามาใช้งานในเครือข่ายเน็ตเวิร์คของผู้ให้บริการรายต่างๆ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวน้อยลง และข้อมูลที่ถูกเก็บไปนั้นยังถูกควบคุมและจัดการ (Manipulate) อย่างไม่โปร่งใสอีกด้วย

สรุป WEB2

  • รวดเร็ว
  • มีความ dynamic และ มีความละเอียดสูง
  • มีการโต้ตอบกับผู้ใช้ได้เต็มรูปแบบ
  • การค้นหาแบบอัจฉริยะ
  • การมาของ Social Network
  • คอนเท้นที่สร้างขึ้นเองจากผู้ใช้งาน (User-generated content)
  • Centralized

WEB3 : Now - Future

WEB3 คือ อีกวิวัฒนาการของเว็บ/อินเทอร์เน็ต ที่จะนำมาสู่การ disrupt และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นจาก WEB1 มาเป็น WEB2 และสร้างขึ้นจากแนวคิดหลักของการกระจายอำนาจ (Decentralize) การเปิดกว้างและโปร่งใส และประโยชน์ของผู้ใช้ที่มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหา Painpoint จากเว็บ 2 ที่มีความผูกขาด และ มีความเป็น Privacy
ที่ค่อนข้างน้อยโดยจุดเด่นของ WEB3 นั้นจะมีจุดเด่นต่าง ๆ ดังนี้

  • ไม่มีหน่วยงานส่วนกลางคอยกุมอำนาจ (Decentralize)
  • ใช้งานบน Blockchain ที่จะใช้ซอฟต์แวร์แบบโอเพ่นซอร์ส ผู้เข้าร่วมโต้ตอบโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง และไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่กำกับดูแลใดๆ

  • ผู้ใช้ เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนตัว

สรุป WEB3

  • กระจายอำนาจ (Decentralized)
  • ใช้งานบน blockchain (Powered by blockchain)
  • ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูล (Maximum data privacy)
  • เข้าร่วมโต้ตอบโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง (Trustless and permissionless)
  • Internet of value

ถึงแม้ว่า WEB3 จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นขึ้น และ หลายๆ อย่างอาจจะยังเป็นแค่วิสัยทัศน์หรือแนวคิด ที่ยังไม่มีใครรู้ว่าท้ายสุดนั้นจะออกมาเช่นไร แต่หากเรามองย้อนกลับไปในยุคแรกของการเปลี่ยนแปลง ช่วงเริ่มต้นของเว็บ Clifford Stoll ก็ไม่คิดว่าการมาของอินเทอร์เน็ต/เว็บ จะเปลี่ยนแปลงอะไรหล่ายๆ อย่างที่คาดไม่ถึง และพวกเราที่ถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คิดว่าอนาคตของ WEB3 นั้นจะเป็นอย่างไร จะเข้ามา Disrupt เว็บ 2 ได้หรือไม่ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปครับ

Writer
NMG Team

เราคือ Marketing Agency ที่มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเพื่อการมีส่วนร่วมในเอเชียแปซิฟิก พร้อมทีมงานมืออาชีพ

As a creative agency, we believe in the power of imagination and innovation. We are constantly pushing the boundaries of what is possible, and strive to create work that is not only beautiful and effective, but also meaningful and impactful.

เริ่มโปรเจคร่วมกัน

contact@neumerlin.com
การใช้เว็บไซต์นี้แสดงว่าคุณตกลงที่จะจัดเก็บคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อปรับปรุง และ วิเคราะห์การใช้งานของเว็บไซต์ ดู นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเราสําหรับข้อมูลเพิ่มเติม Privacy Policy