นักการตลาดยุคใหม่ต้องรู้ Creative Marketing คืออะไร สำคัญยังไง

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารท่วมท้นและการแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อย ๆ การทำการตลาดแบบเดิม ๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป นักการตลาดยุคใหม่จำเป็นต้องหาวิธีการใหม่ ๆ ในการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค และนั่นคือเหตุผลที่ Creative Marketing กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Creative Marketing อย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งอธิบายว่าทำไมนักการตลาดยุคใหม่จึงต้องเข้าใจและนำมาใช้ให้เป็น

Creative Marketing คืออะไร

Creative Marketing คืออะไร?

Creative Marketing หรือการตลาดเชิงสร้างสรรค์ คือกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ น่าสนใจ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อให้แบรนด์สินค้าหรือบริการโดดเด่นท่ามกลางคู่แข่งมากมายในตลาด

Creative Marketing ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การโฆษณาหรือการประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ การสร้างแคมเปญ การใช้สื่อสังคมออนไลน์ และการสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างการรับรู้ ความประทับใจ และความผูกพันระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคในระยะยาว

องค์ประกอบสำคัญของ Creative Marketing

Creative Marketing ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายประการที่ช่วยให้การตลาดมีประสิทธิภาพและโดดเด่น ได้แก่

  1. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity): เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้แคมเปญหรือกลยุทธ์การตลาดมีความแปลกใหม่และน่าสนใจ
  2. การเล่าเรื่อง (Storytelling): การนำเสนอข้อมูลหรือแนวคิดผ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมและความผูกพันกับผู้บริโภค
  3. การใช้เทคโนโลยี (Technology): การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ในการสื่อสารและสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภค
  4. การสร้างประสบการณ์ (Experience Creation): การออกแบบจุดสัมผัสระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคให้น่าประทับใจและจดจำ
  5. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis): การใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค นำไปสู่การสร้างกลยุทธ์ที่ตรงเป้าหมาย
องค์ประกอบสำคัญของ Creative Marketing

Creative Marketing แตกต่างจากการตลาดทั่วไปอย่างไร

Creative Marketing มีความแตกต่างจากการตลาดทั่วไปในหลายแง่มุม:

  1. เน้นนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์: ในขณะที่การตลาดทั่วไปอาจใช้วิธีการที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล Creative Marketing มุ่งเน้นการคิดนอกกรอบและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
  2. สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ: Creative Marketing ไม่เพียงแค่นำเสนอข้อมูลสินค้าหรือบริการ แต่ยังสร้างประสบการณ์ที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์
  3. เน้นการมีส่วนร่วม: แทนที่จะเป็นการสื่อสารทางเดียว Creative Marketing มักเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในแคมเปญหรือกิจกรรมต่าง ๆ
  4. ใช้เทคโนโลยีและช่องทางใหม่ ๆ : Creative Marketing มักเป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยีล่าสุดและช่องทางการสื่อสารใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
  5. มุ่งเน้นการสร้างคุณค่า: นอกเหนือจากการขายสินค้าหรือบริการ Creative Marketing ยังมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าและความหมายให้กับแบรนด์

ความสำคัญของ Creative Marketing ในยุคดิจิทัล

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารท่วมท้นและผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย Creative Marketing กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์สามารถยืนหยัดและเติบโตได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยความสำคัญของ Creative Marketing ในยุคปัจจุบันมีดังนี้

ช่วยสร้างความโดดเด่นให้แบรนด์

ในโลกที่เต็มไปด้วยโฆษณาและการตลาดรูปแบบเดิม ๆ Creative Marketing ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างความแตกต่างและโดดเด่นในสายตาของผู้บริโภคได้ การนำเสนอแนวคิดหรือแคมเปญที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์จะช่วยดึงดูดความสนใจและสร้างการจดจำแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น แคมเปญ "Share a Coke" ของ Coca-Cola ที่พิมพ์ชื่อคนบนขวดน้ำอัดลม ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์เข้าถึงตัวเองมากขึ้น และยังกระตุ้นให้เกิดการแชร์ในโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง

สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ

Creative Marketing ไม่เพียงแค่นำเสนอข้อมูลสินค้าหรือบริการ แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับผู้บริโภค การสร้างปฏิสัมพันธ์ที่มีความหมายและน่าจดจำจะช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้าในระยะยาว

ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ แคมเปญ "The Best Job in the World" ของการท่องเที่ยวออสเตรเลีย ที่เปิดรับสมัครคนมาอยู่บนเกาะสวรรค์และทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว แคมเปญนี้สร้างกระแสไปทั่วโลกและทำให้ผู้คนสนใจการท่องเที่ยวในออสเตรเลียมากขึ้น

Creative Marketing เพิ่มการมีส่วนร่วมและยอดขาย

การตลาดเชิงสร้างสรรค์ไม่เพียงแต่สร้างการรับรู้ แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมและนำไปสู่การเพิ่มยอดขายในที่สุด แคมเปญที่สร้างสรรค์และน่าสนใจจะทำให้ผู้บริโภคอยากมีส่วนร่วม แชร์ และบอกต่อ ซึ่งช่วยขยายการเข้าถึงของแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างเช่น แคมเปญ "Dumb Ways to Die" ของ Metro Trains Melbourne ที่ใช้เพลงและแอนิเมชันน่ารัก ๆ เพื่อสื่อสารเรื่องความปลอดภัยทางรถไฟ แคมเปญนี้ไม่เพียงแต่สร้างการรับรู้ แต่ยังทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

Creative Marketing เพิ่มการมีส่วนร่วมและยอดขาย

เทคนิคการทำ Creative Marketing ให้ประสบความสำเร็จ

การทำ Creative Marketing ให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องอาศัยการวางแผนและการดำเนินการอย่างรอบคอบ ดังนั้นเราไปดูกันดีกว่าว่า เทคนิคการทำ Creative Marketing ให้มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จมีอะไรบ้าง? 

1. ต้องเข้าใจว่าสินค้าและบริการของเรามีไว้เพื่อใคร?

การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของ Creative Marketing ต้องวิเคราะห์ข้อมูลประชากรศาสตร์ พฤติกรรม ความสนใจ และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างแคมเปญที่ตรงใจและมีประสิทธิภาพ

การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล การทำแบบสำรวจ และการสัมภาษณ์ลูกค้าจะช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การสร้าง Buyer Persona หรือตัวแทนของลูกค้าในอุดมคติจะช่วยให้ทีมการตลาดมีภาพที่ชัดเจนของกลุ่มเป้าหมายและสามารถออกแบบแคมเปญได้ตรงใจมากขึ้น

2. สินค้าและบริการของเรามีปัญหาอะไรที่ต้องแก้

การทำ Creative Marketing ที่ประสบความสำเร็จต้องเริ่มจากการเข้าใจปัญหาหรือความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ไม่ใช่แค่นำเสนอคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่ต้องแสดงให้เห็นว่าสินค้าหรือบริการของเราสามารถแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร

การทำวิจัยตลาด การวิเคราะห์คู่แข่ง และการรับฟังเสียงสะท้อนจากลูกค้าจะช่วยให้คุณเข้าใจปัญหาและความต้องการของตลาดได้ดียิ่งขึ้น จากนั้นจึงนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการสร้างสรรค์แคมเปญที่ตอบโจทย์และสร้างความประทับใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย

3. สร้าง Unique Selling Point

Unique Selling Point (USP) หรือจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ คือสิ่งที่ทำให้สินค้าหรือบริการของคุณแตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่ง การสร้าง USP ที่ชัดเจนและน่าสนใจเป็นหัวใจสำคัญของ Creative Marketing เพราะจะช่วยให้แบรนด์มีตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งและจดจำได้ง่าย ในการสร้าง USP ให้พิจารณาข้อมูลหลัก ๆ ดังนี้

  1. จุดแข็งของสินค้าหรือบริการ
  2. ความต้องการหรือปัญหาของลูกค้าที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง
  3. ช่องว่างในตลาดที่คู่แข่งยังไม่ได้เข้าไปแก้ปัญหา

จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้มาสร้างสรรค์เป็น USP ที่โดดเด่นและสื่อสารผ่านแคมเปญ Creative Marketing ของคุณ

4. วิเคราะห์และเลือกช่องทางการสื่อสารที่ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมาย

การเลือกช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการทำ Creative Marketing ให้ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นสื่อออนไลน์ สื่อออฟไลน์ หรือการผสมผสานทั้งสองแบบ ต้องพิจารณาจากพฤติกรรมและความชอบของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น

  • หากกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ การใช้ Social Media Platform อย่าง TikTok หรือ Instagram อาจเหมาะสมกว่า
  • หากเป็นกลุ่มผู้บริหารหรือมืออาชีพ การใช้ LinkedIn หรือการจัดอีเวนต์เฉพาะกลุ่มอาจได้ผลดีกว่า

นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AR (Augmented Reality) หรือ VR (Virtual Reality) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย

 ขั้นตอนการวางแผน Creative Marketing

ขั้นตอนการวางแผน Creative Marketing

การวางแผน Creative Marketing ที่มีประสิทธิภาพประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้

ตั้งเป้าหมายตามหลัก SMART ควบคู่กับการทำ Landscape Research

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการวางแผน Creative Marketing โดยควรใช้หลัก SMART ได้แก่:

  • Specific: เฉพาะเจาะจง
  • Measurable: วัดผลได้
  • Achievable: สามารถทำได้จริง
  • Relevant: สอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจ
  • Time-bound: มีกำหนดเวลาชัดเจน

ควบคู่ไปกับการตั้งเป้าหมาย ควรทำ Landscape Research เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ตลาด คู่แข่ง และแนวโน้มต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อแคมเปญของคุณ

กำหนด Brand Voice

Brand Voice คือลักษณะการสื่อสารเฉพาะตัวของแบรนด์ที่จะช่วยสร้างเอกลักษณ์และความจดจำให้กับแบรนด์ การกำหนด Brand Voice ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับบุคลิกของแบรนด์จะช่วยให้การสื่อสารในทุกช่องทางมีความสม่ำเสมอและน่าเชื่อถือ เช่น

  • เป็นกันเอง และสนุกสนาน
  • มืออาชีพ และน่าเชื่อถือ
  • นวัตกรรม และล้ำสมัย
  • อบอุ่น และเป็นมิตร

เข้าใจ Buyer's Journey

Buyer's Journey คือกระบวนการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่

  1. Awareness Stage: ลูกค้าตระหนักถึงปัญหาหรือความต้องการ
  2. Consideration Stage: ลูกค้ากำลังพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ
  3. Decision Stage: ลูกค้าตัดสินใจเลือกสินค้าหรือบริการ

การเข้าใจ Buyer's Journey จะช่วยให้คุณสามารถสร้างคอนเทนต์และแคมเปญที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละขั้นตอนได้อย่างเหมาะสม

วางแผน Content Strategy

Content Strategy คือแผนการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณค่าและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยควรครอบคลุมหัวข้อดังนี้

  • ประเภทของคอนเทนต์ (เช่น บทความ วิดีโอ อินโฟกราฟิก)
  • หัวข้อและธีมของคอนเทนต์
  • ช่องทางการเผยแพร่
  • ความถี่ในการโพสต์
  • KPI สำหรับวัดผลความสำเร็จของคอนเทนต์

วางแผนทำคอนเทนต์ (Content Creation)

หลังจากวางแผน Content Strategy แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางแผนการสร้างคอนเทนต์ ซึ่งควรคำนึงถึง

  • การกำหนดทีมงานและผู้รับผิดชอบในแต่ละส่วน
  • การสร้างปฏิทินคอนเทนต์ (Content Calendar)
  • การกำหนดกระบวนการตรวจสอบคุณภาพคอนเทนต์
  • การเตรียมทรัพยากรที่จำเป็น เช่น อุปกรณ์ถ่ายภาพหรือวิดีโอ ซอฟต์แวร์ตัดต่อ
วางแผนทำคอนเทนต์ (Content Creation)

ทำไมนักการตลาดยุคใหม่ต้องเข้าใจ Creative Marketing

ในปัจจุบันการนำ Creative Marketing มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ เป็นสิ่งที่นักการตลาดยุคใหม่จะต้องทำความเข้าใจและปรับใช้ให้เหมาะสม โดยสาเหตุที่นักการตลาดยุคใหม่ควรนำ Creative Marketing มาใช้มีดังนี้ 

  1. การแข่งขันที่สูงขึ้น: ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง Creative Marketing ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างความแตกต่างและโดดเด่นได้
  2. พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง: ผู้บริโภคยุคใหม่มีความคาดหวังสูงขึ้น ต้องการประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจ Creative Marketing ตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้ดี
  3. การเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร: Creative Marketing ช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถดึงดูดความสนใจและสร้างการจดจำได้ดีกว่าการตลาดแบบดั้งเดิม
  4. การสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์: นอกจากการขายสินค้าหรือบริการ Creative Marketing ยังช่วยสร้างคุณค่าและความหมายให้กับแบรนด์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความภักดีของลูกค้าในระยะยาว
  5. การปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่: Creative Marketing มักเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการสื่อสาร ช่วยให้แบรนด์ดูทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  6. การสร้างการมีส่วนร่วม: ในยุคที่การมีส่วนร่วมของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญ Creative Marketing ช่วยสร้างโอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้มากขึ้น
  7. การวัดผลและปรับปรุง: Creative Marketing มักมาพร้อมกับเครื่องมือและเทคนิคการวัดผลที่ทันสมัย ช่วยให้นักการตลาดสามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์และปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปบทความ

Creative Marketing เป็นกลยุทธ์สำคัญที่นักการตลาดยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม ด้วยความสามารถในการสร้างความแตกต่าง ดึงดูดความสนใจ และสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับผู้บริโภค Creative Marketing จึงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์ในยุคดิจิทัล

แน่นอนว่า การทำ Creative Marketing ให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง และการสร้างสรรค์แนวคิดที่โดดเด่นและแตกต่าง นอกจากนี้ ยังต้องมีความยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัวตามสถานการณ์ รวมถึงเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 

สุดท้ายนี้หากคุณกำลังมองหาตัวช่วยในการทำ Creative Marketing ที่มีประสิทธิภาพ NeuMerlin Group ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือคุณในเรื่องนี้ เพราะภายใต้ NeuMerlin Group มีบริษัทเครือข่ายที่พร้อมให้บริการด้านการตลาดโดยเฉพาะ ทำให้เรามีความเชี่ยวชาญและสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำ Creative Marketing ที่เหมาะสมกับคุณได้

Aggregator
NMG Team

เราคือ Marketing Agency ที่มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเพื่อการมีส่วนร่วมในเอเชียแปซิฟิก พร้อมทีมงานมืออาชีพ

As a creative agency, we believe in the power of imagination and innovation. We are constantly pushing the boundaries of what is possible, and strive to create work that is not only beautiful and effective, but also meaningful and impactful.

เริ่มโปรเจคร่วมกัน

contact@neumerlin.com
การใช้เว็บไซต์นี้แสดงว่าคุณตกลงที่จะจัดเก็บคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อปรับปรุง และ วิเคราะห์การใช้งานของเว็บไซต์ ดู นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเราสําหรับข้อมูลเพิ่มเติม Privacy Policy