No More Headache with Personalized Ads Pricing

เมื่อ Personalization กลาย Keyword of the year ที่นักการตลาดและคนโฆษณาเชื่อกันว่าเป็นวิธีการสำคัญที่จะสร้าง engagement กับกลุ่มเป้าหมายได้ดี โดยเฉพาะการสื่อสารในโลกออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้การทำ Personalised Ad ทำได้ง่ายขึ้น ทั้งในแง่ของการเลือกกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น หรือการ retargeting กลุ่มที่เคย engage กับเพจ หรือแบรนด์อยู่แล้ว

แน่นอนว่าการทำ Personalized Ad มีข้อได้เปรียบในการส่งสารได้ถูกกลุ่มเป้าหมาย แต่เบื้องหลังการทำ Personlized Ad ก็ยังมีหลายปัจจัยที่เป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องของค่า Production cost ซึ่งยิ่ง Target Group หลากหลาย มี Message ที่หลากหลาย ค่า Production Cost ยิ่งสูงเป็นเงาตามตัว จนกระทั่งกลายเป็นสาเหตุหลักที่ต้องยุบการทำ Personalised Ad กันเลยทีเดียว ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือในการทำ Personalised Ad ให้ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อช่วยควบคุมงบและระยะเวลาไม่ให้บานปลาย

3 เครื่องมือช่วยในการทำ Personalised Ad

1. Facebook Dynamic Formats and Ad Creative

ฟีเจอร์นี้ของ Facebook ช่วยให้นักการตลาดและนักโฆษณาสามารถ ส่ง Ad ที่มี format , description และ action destination ได้แตกต่างกันในแต่ละคน ซึ่งทั้งหมดจะถูกจัดการโดยผ่าน Facebook Maching Learning และ ข้อมูล signal ต่าง ๆ ที่ Facebook เรียนรู้จากพฤติกรรมของ user

เมื่อเลือกใช้ Facebook Dynamic Formats and Creative เราสามารถเลือกเปลี่ยน option ต่างๆได้ดังนี้

• Format: สามารถเลือกได้ว่าจะให้โชว์เป็น Carousel or Collection format หรือให้ Facebook Machine Learning จัดการโดยอัตโนมัติก็ได้
• Description variations for carousel ads: สามารถสร้าง option ของ description ได้มากกว่า 1 แล้วทาง Facebook Machine Learning  จะเลือกแมทช์ description กับรูปภาพ ตามพฤติกรรมของ user แต่ละคน เช่น บางคนอาจจะได้ “Free Deliver” ในขณะที่อีกคนอาจจะ “Special Price”.
• Media & Creative Option for Collection Ads: Facebook แนะนำว่าเราสามารถทำเป็น Dynamic Video ที่ระบบจะดึงภาพจาก Product ใน Catalogue มาทำเป็น Auto-generated VDO โดยระบบ learning ของ Facebook จะเลือกโชว์ product ที่เกี่ยวข้องกับ user คนนั้น ๆ
• Destination : เราสามารถเพิ่ม destination ได้ว่าต้องการให้ landing ไปยัง website หรือ Shop ซึ่งระบบ Facebook จะเลือก destination ที่เหมาะสมให้กับ user แต่ละคน

2. Facebook Multiple Text Optimization in Single-Ads

ฟีเจอร์นี้ช่วยให้นักการตลาดและนักโฆษณาสามารถมี Option ของ Text ที่หลากหลายสำหรับ Primary, Headline และ Description โดยระบบ Machine Learning ก็จะทำการคัดเลือกอัตโนมัติในการส่ง Text option เหล่านั้นไปยัง user ที่แตกต่างกันตามที่ signal ของ Facebook platform โดยฟีเจอร์นี้สามารถใช้ได้กับ Single-Media Ads เท่านั้น

ตัวอย่าง เช่น

Option 1: All-inclusive services available at low prices!

Option 2: All-inclusive services available for just £19.99!‍

3. Creative Technology Tool : Ad-Lib.io

นอกจากฟีเจอร์ต่าง ๆ บน facebook แล้ว ก็ยังมี Marketing and Creative Technology Tools ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำ Personalized Ad มายิ่งขึ้นโดยไม่ต้องจำกัดอยู่แค่ใน Platform Facebook แต่สามารถใช้ได้กับทั้ง Facebook, Google ทั้งใน Format ภาพนิ่ง และวิดีโอ Ab-Lib.io เป็น Next-Gen Creative Management Platform ที่สามารถช่วยทำให้การ Personalized Ad ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และประหยัดขึ้น

ง่ายขึ้นด้วย‍

Fixed & Flexible Element โดยมี Template ให้เลือกใช้ที่จะสามารถกำหนดตำแหน่งของ Brand Asset ไม่ว่าจะเป็น โลโก้ หรือรูปสินค้า ใน ad format ต่าง ๆ ไม่ว่าจะอยู่ใน platform ไหนก็ตาม‍

เร็วขึ้นด้วย‍

Intelligent Automation of Video & Social ad Creation ที่มีระบบ AI ทำหน้าที่ดึงภาพพร้อมครอปภาพ ให้มีขนาดที่เหมาะสม และสวยงาม เข้ากับ ad format ที่เลือก‍

ประหยัดขึ้นด้วย‍

การทำงานที่สะดวกมากขึ้นบน platform Ad-Lib.io ทำให้สามารถลดชั่วโมงการทำงานของ Creative และ Designer โดยที่ Creative และ Designer สามารถออกแบบ Key Visual แล้วนำ element ต่างใน Key Visual นั้นไปใส่ใน Platform เพื่อให้ Platform สร้าง Massive Personalized AD

บทสรุป

3 วิธีข้างต้นเป็น 1 ในหลากหลายวิธีที่จะช่วยให้นักการตลาดและคนโฆษณาสามารถทำ Persolized Ad ได้ง่ายยิ่งขึ้น และยังเป็นการทดลองได้อีกว่า รูปภาพแบบไหน ข้อความแบบไหน รวมถึง Format แบบไหนที่ได้รับการตอลรับที่ดีกว่ากัน เพื่อสร้าง Ad Format ในแบบที่ดีที่สุดสำหรับแบรนด์หรือสินค้านั้น ๆ